ข่าว

รายงานของกรรมการผู้จัดการ ไตรมาส 4 ปี 2549

23 กุมภาพันธ์ 2550

รายงานของกรรมการผู้จัดการ
ผลการดำเนินงานของไตรมาส 4 ปี 2549

ผลประกอบการในไตรมาสนี้นับว่าเป็นไตรมาสที่มียอดขายสูงสุดโดยมีมูลค่า 40 ล้านเหรียญ สหรัฐ หรือ มีมูลค่าเท่ากับ 1,459 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.5 เมื่อเทียบกับยอดขายไตรมาส เดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับยอดขายไตรมาสก่อนของปีนี้ ตามมูลค่า ยอดขายที่เป็นเงินเหรียญสหรัฐ ยอดขายรวมทั้งปี 2549 มีมูลค่า 135 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ มีมูลค่าเท่ากับ 5,104 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 22.7 เมื่อเทียบกับยอดขายปี 2548 ที่มีจำนวน 110 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ มีมูลค่าเท่ากับ 4,398 ล้านบาท ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจาก ปีก่อนเมื่อคำนวณเป็นค่าเงินบาทจะมีอัตราเพิ่มขึ้นพียงร้อยละ 16 เนื่องจากเงินบาทมีค่าแข็งขึ้น ร้อยละ 6 (อัตราเฉลี่ย 1948 : 40.10 บาท : ปี 2549 : 37.71 บาท : 1 เหรียญสหรัฐ) ยอดขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากลูกค้าใหม่ที่เริ่มธุรกิจกับบริษัทฯปลายปีก่อนมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และความ ต้องการของสินค้าประเภทระบบควบคุมอุตสาหกรรมยังคงมีสูงอย่างต่อเนื่อง

กำไรเบื้องต้นในไตรมาสนี้มีจำนวน 158 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.8 ของรายได้ เพิ่มขึ้น เป็นจำนวน 41 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กำไรเบื้องต้นรวมของปี 2549 มีจำนวน 498 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นจำนวน 89 ล้านบาท เนื่องจากประสิทธิภาพในการ บริหารต้นทุนคงที่เพิ่มขึ้น ในปี 2549 ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการนำเข้าวัตถุดิบในอัตรา แลกเปลี่ยนที่สูงกว่าอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อมีรายได้ กำไรเบื้องต้นจากงบการเงินรวมไม่แตกต่างกันมาก เนื่องจากโรงงานที่เทียนจินยังไม่สามารถผลิตได้เต็มที่

กำไรสุทธิของไตรมาส 4 ปี 2549 มีจำนวน 87 ล้านบาท มีจำนวนที่ใกล้เคียงกับไตรมาส เดียวกันของปีก่อน ยอดรวมกำไรสุทธิทั้งปี 2549 มีจำนวน 294.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 38 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 15 ทั้งนี้มีผลมา จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ผลประกอบการขาดทุนจากบริษัทย่อยในปีนี้มีจำนวน 29.6 ล้านบาท ส่วนใหญ่ มาจากผลประกอบการขาดทุนจากโรงงานที่เทียนจิน ประเทศจีน เนื่องจากมีรายได้น้อยเพราะอยู่ ในระหว่างเริ่มการผลิต และตรวจสอบความพร้อมจากลูกค้า

ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารของบริษัทฯ และ งบการเงินรวมไตรมาสนี้มีจำนวน 74 ล้านบาท และ 78ล้านบาท ตามลำดับ หรือร้อยละ 5 ของยอดขาย สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปี ก่อนจำนวน 30 ล้านบาท ยอดค่าใช้จ่ายนี้รวมทั้งปี 2549 ของบริษัทฯ และ ของงบการเงินรวม มีจำนวน 222 ล้านบาท และ 242 ล้านบาท เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายของปีก่อนจำนวน 193 ล้านบาท มีผลมาจากการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจการตลาด และการตั้งสำรองเผื่อสินค้า ล้าสมัยเพิ่มขึ้น

ตารางเปรียบเทียบกำไรขาดทุน ณ. สิ้นปี 2549 และ 2548

เปรียบเทียบงบดุล สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 และ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ดังนี้ :

ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ 31 ธันวาคม 2549 มียอดสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นจำนวน 3,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากยอดสิ้นปีก่อนเป็นจำนวน 460 ล้านบาท เนื่องจากมีสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นจำนวน 319 ล้านบาท และยอดลูกหนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 307 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้น สำหรับสินค้า คงคลังที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทต้องจัดเตรียมวัตถุดิบเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของยอดขายในไตรมาสหน้า

บริษัทได้ให้บริษัทในเครือคือ Globe Vision Corp กู้เงินเป็นจำนวนทั้งหมด 59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากยอดสิ้นปีก่อนจำนวน 23 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนในบริษัทย่อยในฮ่องกงและเพื่อนำไป ลงทุนในเทียนจีน ประเทศจีน

ยอดหนี้สินรวมของบริษัทฯมีจำนวน 994 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากจำนวนหนี้สินรวมของสิ้นปีก่อน จำนวน 215ล้านบาท เนื่องด้วยมียอดเจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้นจำนวน 199 ล้านบาท เพราะต้องจัดซื้อ วัตถุดิบเพิ่มขึ้น โดยมียอดเงินกู้ระยะสั้นเพิ่มขึ้นจำนวน 20 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียน ส่วน เงินกู้ระยะยาวลดลงเป็นจำนวน 58 ล้านบาท เนื่องจากได้ชำระหนี้บางส่วนในปีนี้

ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ. วันสิ้นปีนี้มีจำนวน 2,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนเป็นจำนวน 245 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เนื่องจากผลกำไรสุทธิจำนวน 295 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากผลประกอบ การในปีนี้ โดยส่วนของเจ้าของลดลง 72 ล้านบาทจากการจ่ายเงินปันผลต้นปีนี้

(นายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ)
กรรมการผู้จัดการ